วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

ขุมทองที่ซ่อนอยู่ในงบการเงิน



         วอร์เรน  บัฟเฟตต์ เรียนรู้ว่า "ความยั่งยืน" ของความได้เปรียบในการแข่งขันคือหัวใจสำคัญที่สร้างความมั่งคั่งทั้งมวล  ใน 122 ปีที่ผ่านมา โคคา - โคล่าขายสินค้าตัวเดิม  และเป็นไปได้อย่างมากว่าจะคงขายสินค้าตัวนี้อยู่ในอีก 122 ปีข้างหน้า

         ความสม่ำเสมอ (Consistency) ของผลิตภัฎฑ์นี่เองที่เป็นตัวสร้างกำไรของบริษัทอย่างสม่ำเสมอด้วย  หากบริษัทไม่ต้องเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ตลอดเวลา  บริษัทก็ไม่ต้องเสียเงินนับล้านกับการค้นคว้าวิจัย  ไม่ต้องเสียอีกนับพันล้านในการปรับปรุงโรงงาผลิตสินค้ารุ่นใหม่ของปีหน้าเงินในกำปั่นของบริษัทจึงพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหมายความว่าบริษัทไม่ต้องแบกภาระหนี้หนักอื้ง ซึ่งหมายถึงการไม่ต้องเสียดอกเบี้ย  และหมายถือการมีเงินมากมายในการขยายธุรกิจหรือซื้อหุ้นคืน  ซึ่งจะเพิ่มรายได้และราคาหุ้นของบริษัท  และทำให้ผู้ถือหุ้นรวยขึ้น

      ดังนั้น เมื่อวอร์เรนดูงบการเงินของบริษัทหนึ่งๆ เขาจึงมองหาความสม่ำเสมอ  คงเส้นคงว่า  บริษัทมีส่วนต่างกำไรสูงอย่างสม่ำเสมอหรือไม่?    บริษัทมีหนี้น้อยหรือไม่มีเลยสม่ำเสมอหรือไม่ ?  บริษัทไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงในการค้นคว้าพัฒนาอย่างสม่ำเสมอหรือไม่? บริษัทมีการเติบโตสม่ำเสมอหรือไม่? "ความสม่ำเสมอ" ซึ่งปรากฏในงบการเงินนี่เองที่ทำให้วอร์เรนเห็น "ความยั่งยืน" ของความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัท

       เมื่อวอร์เรนต้องการดูว่าบริษัทใดมีความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันหรือไม่  เขาจะมุ่งไปที่งบการเงินของบริษัท

        งบการเงิน  คือขุมทองที่ซึ่งวอร์เรนเก็บเกี่ยวทองคำแห่งความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน  งบการเงินของบริษัทนี่เองที่บอกเขาว่า เขากำลังมองหาบริษัทธรรมดา  "งั้นๆ" ที่มีผลประกอบการไม่น่าประทับใจตลอดปีตลอดชาติ  หรือบริษัทที่มีวามได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนซึ่งจะทำให้เขารวยมหาศาล

        งบการเงินสำคัญมี 3 ชนิด คือ :
     
         1.  งบกำไรขาดทุน : งบกำไรขาดทุนบอกเราว่า  บริษัททำกำไรเท่าใดในช่วงเวลาหนึ่งๆ ตามธรรมเนียมแล้วนักบัญชีของบริษัทจะจัดทำงบกำไรขาดทุนให้ผู้ถือหุ้นทุก 3 เดือนของปีบัญชี  หรือสำหรับทั้งปีบัญชี  จากงบกำไรขาดทุน  วอร์เรนจะทราบถึงสิ่งต่างๆ เช่น ส่วนต่างกำไรของบริษัท  อัตราส่วนกำไรต่อการลงทุน  และที่สำคัญที่สุดคือ  ความสม่ำเสมอและทิศทางของรายได้  ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้คือสิ่งจำเป็นในการที่จะตัดสินว่า บริษัทหนึ่งๆ ได้ประโยชน์จากความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนหรือไม่

          2.  งบดุล : งบดุลบอกเราว่าบริษัทมีเงินเท่าใดในธนาคารและเป็นหนี้เท่าใด   เมื่อลบหนี้ที่มีออกจากเงินในธนาคาร  เราจะได้มูลค่าสุทธิของบริษัท  บริษัทหนึ่งๆ สามารถจัดทำงบดุลได้ทุกเมื่อที่ต้องการ  ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีสินทรัพย์รวมเท่าใด หนี้สินเท่าใด  และมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทในวันนั้นๆ เป็นเท่าใด

              ตามธรรมเนียมปฏิบัติ  บริษัทจะจัดทำงบดุลให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกช่วง 3 เดือน (เรียกว่าไตรมาส) และในวันสิ้นปีบัญชี  วอร์เรนเรียนรู้ที่จะใช้รายการบางรายการในงบดุล  เช่น  เงินสดของบริษัท  หรือหนี้สินระยะยาวที่มี  เป็นตัวบ่งชี้ถึงความได้เปรียบในการแข่ขันที่ยั่งยืน ณ ขณะนั้นของบริษัท

         3. งบกระแสเงินสด : งบกระแสเงินสดรวมข้อมูลการไหลเข้าออกของเงินสดของธุรกิจ  งบกระแสเงินสดเหมาะสำหรับที่จะดูว่า  บริษัทใช้จ่ายเงินเท่าใดในการเพิ่มค่าให้ส่วนทุน  นอกจากนี้  ยังบอกถึงการขายและซื้อพันธบัตรและหุ้นกลับคืนด้วย  ปกติบริษัทจะจัดทำงบกระแสเงินสดควบคู่กับงบการเงินอื่นๆ ด้วย

        ในครั้งต่อไป  เราจะทำการสำรวจรายการและตัวบ่งช้ต่างๆ ในงบกำไร-ขาดทุน  งบดุล  และงบกระแสเงินสดซึ่งวอร์เรนใช้ในการค้นหาว่า บริษัทนั้นๆ มีความได้เปรียบในการแข่ขันที่จะทำให้เขารวยได้ในระยะยาวหรือไม่อย่างละเอียด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น