วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ความจำเป็นที่จะต้องวางแผน

ความจำเป็นที่จะต้องวางแผน  ไม่ใช่ทำเฉพาะการลงทุนเท่านั้น



คุณจะเดินทางไปในสถานที่ที่คุณไม่เคยไปมาก่อนโดยไม่มีแผนที่ไม่มีเอกสารบอกเส้นทางใดๆ และไม่มีเครื่องนำทางจีพีเอสไหม ?  คุณจะเริ่มต้นธุรกิจโดยไม่ยอมเสียเวลาและพลังงานเพื่อค้นคว้าวิจัยธุรกิจนั้นๆ ให้รู้แจ้งโดยตลอดแล้วเขียนแผนธุรกิจที่ดีเตียมไว้ก่อนหรือป่าว?  คำตอบที่ได้นั้นจะอธิบายถึงคำที่คนโบราณกล่าวไว้ได้ว่า "ใครก็ตามที่ล้มเหลวในการวางแผน  คนผู้นั้นก็ได้วางแผนไปสู่ความล้มเหลว"

   ทั้งๆ ที่ภูมิปัญญาประโยคข้างต้นนี้สามารถใช้เป็นเครื่องเตือนใจได้เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม  นักลงทุนจำนวนมากก็ยังคงเริ่มต้นการลงทุนของเขาโดยไม่มีแผนการใดๆ เลย  เหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามีนักลงทุนจำนวนน้อยมากที่มีความสามารถในการเขียนแผนการลงทุนได้ดี และนั่นคือสิ่งที่ผู้คนในวอลล์สตรีทและสือมวลชนไม่อยากให้คุรทำ  กลยุทธ์การเอาชนะของผู้คนเหล่านั้นคือ กลยุทธ์ที่จะทำให้คุณพ่ายแพ้นั่นเอง

   มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องพึงเข้าใจว่า  แผนการลงทุนมีความจำเป็นต่อการตัดสินใจอย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับการลงทุน  คุณไม่สามารถที่จะประเมินค่าการลงทุนใดๆ ได้อย่างเหมาะสมโดยปราศจากการพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อความเสี่ยงและความคาดหวังต่อผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนของคุณ  ซึ่งนั่นเป็นข้อได้เปรียบที่จะบรรลุถึงความสำเร็จในแผนการลงทุน

แผนการเงินจะต้องเป็นเอกสารที่มีชีวิต 

    เช่นเดียวกับแผนธุรกิจซึ่งต้องมีการทบทวนอยู่เป็นประจำเพื่อที่จะปรับเปลี่ยนไปตามปัจจัยต่างๆ ของตลาด  แผนการลงทุนและแผนการเงินจะต้องเป็นเอกสารที่มีชีวิตต้วย  ถ้าแผนใดๆ ของคุณมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับชีวิตเกิดขึ้น  ก็จะส่งผลต่อแผนต่างๆ เป็นอย่างมาก  ดังนั้นแผนการลงทุนจึงควรจะต้องได้รับการทบทวนทุกครั้งที่มีเหตุการณ์สำคัญๆ ในชีวิตเกิดขึ้น

   การเคลื่อนไหวของตลาดก็สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสมมติฐานได้เช่นกัน  ขณะที่ตลาดอยู่ในภาวะขาขึ้นอาจจะหมายความว่าคุณกำลังมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายแล้วซึ่งจะทำให้คุณมีความเสี่ยงน้อยลง  แต่ภาวะตลาดขาขึ้นก็อาจจะไปลดความคาดหวังในผลตอบแทนลงได้  นั่นหมายความว่าเป้าหมายของหลายๆ คนอาจจะห่างไกลออกไปและจะต้องรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย  ในทางกลับกันสำหรับภาวะตลาดขาลงนั่นจะเกิดขึ้นได้จริง  ดังนั้นนโยบายที่ดีคือการทบทวนแผนการลงทุนและสมมติฐานที่วางไว้ทุกๆ ปี 

  ก่อนที่คุณจะเขียนแผนการลงทุน  คุณควรจะทบทวนแผนการเงินและสถานะส่วนบุคคลของคุณเสียก่อน  นอกเหนือจากการพิจารณาแผนการเงินแล้ว  คุณยังควรจะพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้อีกด้วย
  • ความมั่นคงในหน้าที่การงานของคุณ
  • ความเสี่ยงในงานของคุณเกี่ยวพันกับการลงทุนในหุ้นของคุณหรือไม่?
  • ขนาดการลงทุนของคุณ
  • ความทนทานต่อความเสี่ยง
  • ความต้องการเงินสำรองฉุกเฉิน
    จงจำไว้ว่าขนาดการลงทุนของคุณจะมีผลต่อการวางแผนเกษียณอายุของตัวคุณเอง  และมันอาจจะเกี่ยวพันกับการจากไปของคุณ  หากคุณลงทุนเผื่อแทนลูกหลาน

    คุณควรจะพิจารณาถึงความจำเป็นที่จะต้องรับความเสี่ยงด้วย  คุณเก็บออมเงินได้เพียงพอหรือไม่?  ถ้าเพียงพอแล้ว  ทำไมคุณจุต้องรับความเสี่ยงต่อไปอีก?   นักลงทุนจำนวนมากมายล้มเหลวกับการทำความเข้าใจว่ากลยุทธ์ที่สร้างความร่ำรวย (โดยการรับความเสี่ยง) นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกลยุทธ์ที่ดำรงความร่ำรวยให้คงอยู่ 

    สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ  มันไม่เพียงพอที่จะมีแค่แผนการลงทุนที่ดีเพียงอย่างเดียว  คุณจำเป็นต้องนำแผนการเงินเข้ามาพิจารณาประกอบด้วยซึ่งจะต้องรวมถึงเรื่องอสังหาริมทรัพย์  การวางแผนภาษี  และการจัดการความเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นความต้องการของชีวิต  สุขภาพ  การเสื่อมสมรรถภาพ  การรักษาพยาบาลระยะยาว  หนี้สินส่วนบุคคล และการประกันชีวิต    นอกจากนั้นยังต้องมีการวางแผนประกันสังคม  แล้วในที่สุดยังต้องรวมถึงกิจกรรมการบริจาคสาธารณกุศลเข้าไปไว้ด้วย

     แผนการลงทุนที่ดีควรจะต้องมีการส่งมอบความมั่งคั่งไปย้งสมาชิกในครอบครัวไว้ด้วย  ซึ่งคุณสามารถทำร่วมกับแผนงานที่เรียกว่า  แผนการลงทุนเพื่อครอบครัวมั่งคั่ง  และที่สำคัญ  คุณควรจะทำแผนฉุกเฉินไว้เผื่อกรณีที่พอร์ตการลงทุนของคุณล้มเหลวที่จะส่งมอบผลตอบแทนตามที่วางแผนไว้  คุณควรเขียนระบุให้ชัดเจนเลยว่าคุณจะแก้ปัญหาอย่างไรถ้าสภาวะตลาดตกต่ำนำไปสู่เหตุการณ์ความล้มเหลวที่คุณไม่สามรถยอมรับได้  คุณคงไม่อยากพบตัวเองอยู่ในสถานณ์การณ์ที่พอร์ตการลงทุนของคุณล้มเหลวหรือตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่  

   หนังสือนโยบายการลงทุน  หรือ IPS ของคุณควรรวมเอารายการของเป้าหมายเฉพาะไว้ด้วย  เช่น  มูลค่าเงินที่คุณว่างแผนจะเพิ่มเข้าไปในพอร์ตการลงทุนในแต่ละปี  มูลค่าสินทรัพย์ที่คุณพยายามจะสะสมให้ได้ตามเวลาที่กำหนด  เมื่อไรที่คุณจะเริ่มต้นถอนเงินออกจากพอร์ตการลงทุนของคุณ  และมูลค่าเงินที่คุณจะถอนออกมาในแต่ละปี  ข้อระบุทั้งหลายเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถตรวจสอบความก้าวหน้าได้ว่าคุณยังคงดำเนินตามเป้าหมายที่วางไว้และตามระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่  และเพื่อให้คุณปรับเปลี่ยนแผนได้อย่างเหมาะสมตลอดระยะเวลาการลงทุน    ขั้นตอนต่อไปในการพัฒนาแผน IPS ของคุณคือ  การจัดสรรการลงทุนหรือการจัดพอร์ตการลงทุน  ควรรวมเอาตารางการจัดสรรการลงทุนแต่ละประเภทให้เป็นตามแผน  มีการกำหนดขอบเขตการจัดสรรการลงทุนแต่ละประเภทโดยกำหนดวงเงินต่ำสุดและวงเงินสูงสุดที่คุณสามารถลงทุนได้เพื่อให้การปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนทำได้คล่องตัวและยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ IPS ที่ทำขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรจะเป็นไกด์นำทางและช่วยสร้างวินับที่จำเป็นต่อกลยุทธ์ในการลงทุน  ส่วนการพัฒนาแผนการจัดสรรการลงทุน  เราจะพูดถึงในครั้งต่อไป